ก่อนคู่รักวัยทำงานจะตัดสินใจสร้างครอบครัว ควรตรวจโรคอะไรบ้าง

ก่อนคู่รักวัยทำงานจะตัดสินใจสร้างครอบครัว ควรตรวจโรคอะไรบ้าง

เมื่อถึงวัยที่ต้องการสร้างครอบครัว คู่รักทุกคู่ต่างอยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งการที่จะเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ได้ ก็ต้องมีความพร้อมทางด้านร่างกาย จิตใจ ฐานะ และที่สำคัญคือ สุขภาพของทั้งคู่ต้องสมบูรณ์แข็งแรง ไม่มีโรคร้ายที่ส่งผลเสียในการสร้างครอบครัว ทั้งกับคู่ชีวิตและกับชีวิตใหม่ที่ต้องการให้เกิดขึ้นมาในอนาคต การตรวจคัดกรองโรคก่อนแต่งงาน หรือก่อนมีลูก จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำเป็นอย่างแรกสำหรับการใช้ชีวิตคู่ร่วมกันของคู่รักทุกคู่

ทำไมถึงต้องตรวจคัดกรองโรคก่อนการตัดสินใจสร้างครอบครัว

การตรวจคัดกรองโรคจะทำให้เห็นว่า คู่รักของตนนั้นมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคทางพันธุกรรม โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือกำลังเป็นโรคอะไรอยู่ เพราะสุขภาพของพ่อและแม่จะส่งผลต่อเด็กในครรภ์ได้ ซึ่งหากคู่รักไม่ทราบความเสี่ยงนี้ และปล่อยให้มีลูก เด็กที่คลอดออกมาจะมีร่างกายที่ไม่แข็งแรง พัฒนาได้ไม่สมบูรณ์ จนร้ายแรงถึงขั้นพิการได้ นอกจากจะเป็นการตรวจเพื่อหาโรคแล้ว ยังเป็นการตรวจเพื่อดูความพร้อมของทั้งคู่อีกด้วยว่า พร้อมที่จะมีลูกเลยหรือไม่

สิ่งที่คู่รักจำเป็นต้องตรวจ มีทั้งหมด 12 โปรแกรม

โปรแกรมตรวจ 12 โรคนี้ รวมการตรวจทั้งของผู้ชายและผู้หญิงไว้ด้วยกัน ซึ่งทั้งหมดจะเป็นการตรวจแบบละเอียดเพื่อประเมินสุขภาพผ่านการตรวจเลือด ที่จะสามารถรู้ได้เลยว่าคู่รักมีโรคเหล่านี้แอบแฝงอยู่ในตัวหรือไม่

  1. การตรวจประเมินร่างกายทั่วไป (Physical Examination) เป็นการตรวจร่างกายภายนอกแบบทั่วไป ผ่านการมอง สัมผัส และการซักประวัติ
  2. ตรวจเช็กหมู่เลือด (ABO Group) เป็นการตรวจเพื่อเช็กยืนยันหมู่เลือดของทั้งคู่
  3. ตรวจชนิดของเลือด (Rh Type) เป็นการตรวจเพื่อหาแอนติเจน D ในเม็ดเลือดแดง โดยจะมีการระบุเป็น Rh+ (Rh Positive) คือพบแอนติเจน D ในเม็ดเลือดแดง หรือ Rh- (Rh Negative) คือไม่พบแอนติเจน D ในเม็ดเลือดแดง ซึ่ง Rh- จะพบยากในคนไทย เป็นหมู่เลือดพิเศษที่จำเป็นต้องประเมินการตั้งครรภ์ร่วมด้วย
  4. ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC) เป็นการตรวจเช็กปริมาณและความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด 3 ชนิด คือ เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด
  5. ตรวจคัดกรองภาวะโลหิตจางธาลัสซีเมีย (Hemoglobin Typing) เป็นการตรวจที่ทำให้ทราบถึงชนิดของธาลัสซีเมีย ผ่านการตรวจชนิดของฮีโมโกลบิน ซึ่งการตรวจนี้ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ผล
  6. ตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (HBs Ag) เป็นการตรวจหาสารโปรตีนบนเปลือกของเชื้อไวรัสตับอักเสบบีผ่านการตรวจเลือด ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่ติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ได้
  7. ตรวจหาภูมิคุ้มกันไวรัสตับอักเสบบี (Anti HBs) เป็นการตรวจเพื่อหาภูมิคุ้มกันร่างกายต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบบีผ่านการตรวจเลือด
  8. ตรวจหาภูมิคุ้มกันเชื้อไวรัสตับอักเสบซี (Anti HCV) เป็นการตรวจเพื่อหาภูมิคุ้มกันร่างกายต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบซีผ่านการตรวจเลือด
  9. ตรวจหาภูมิคุ้มกันเชื้อไวรัสเอดส์ (Anti HIV) เป็นการตรวจเลือดเพื่อหาภูมิคุ้มกันไวรัสเอดส์ ผ่านการตรวจหาภูมิ ซึ่งร่างกายจะสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองหากมีเชื้อเอชไอวีเข้าสู่ร่างกาย
  10. ตรวจคัดกรองเชื้อซิฟิลิส (VDRL) เป็นการตรวจเลือดเพื่อคัดกรองโรคซิฟิลิส ผ่านการตรวจแอนติบอดีที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองต่อแบคทีเรียที่ก่อโรคนี้ ตรวจได้ทั้งในระยะปฐมภูมิและทุติยภูมิ
  11. ตรวจหาภูมิคุ้มกันโรคหัดเยอรมัน (Rubella IgG) เป็นการตรวจเพื่อหาภูมิคุ้มกันจากเชื้อไวรัสหัดเยอรมันในฝ่ายหญิง หากไม่พบภูมิคุ้มกัน ต้องฉีดวัคซีนและคุมกำเนิดก่อนอย่างน้อย 1 เดือน ซึ่งหากติดเชื้อนี้ระหว่างตั้งครรภ์จะทำให้ลูกพิการแต่กำเนิด หรือมีโอกาสแท้งได้สูง
  12. การตรวจภายในเฉพาะฝ่ายหญิง เป็นการตรวจมะเร็งปากมดลูก (PV+ ThinPrep) และ ตรวจอัลตราซาวด์มดลูกและรังไข่ (TVS)

ซึ่งการตรวจคัดกรองโรคเหล่านี้ เป็นเพียงใบเบิกทางแรกของชีวิตคู่เท่านั้น ว่าจะเป็นคู่รักที่ปลอดภัยต่อโรค และมีความพร้อมที่จะสร้างครอบครัวได้ แต่ในเรื่องของสภาพจิตใจและความพร้อมในการมีลูก ยังขึ้นอยู่กับอีกหลายปัจจัยของแต่ละคู่ และหากว่าผลการตรวจทั้งหมดออกมาในทางที่ดี คู่รักก็สามารถสบายใจและตัดสินใจที่จะสร้างครอบครัวได้โดยที่ไม่มีปัญหาโรคติดต่อทางพันธุกรรมใด ๆ ให้ต้องกังวลใจ

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Scroll to Top