3 เทคนิคการเลี้ยงลูกตัวน้อยให้อารมณ์ดี ไม่หงุดหงิดง่าย
การเลี้ยงลูกน้อยให้มีความสุข ไม่หงุดหงิดง่าย เจริญเติบโตและอารมณ์ดีสมวัยนั้น เป็นสิ่งที่พ่อแม่หลาย ๆ ครอบครัวต่างให้ความสำคัญ เพราะลูกน้อยเปรียบเหมือนแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ จึงต้องคอยปกป้อง ประคบประหงมเลี้ยงดูให้ดีที่สุด ดังนั้นเทคนิคการเลี้ยงลูกที่ดีจะช่วยให้พ่อแม่ทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้สำเร็จ
ทำความรู้จักกับทฤษฎี Psychosocial Development โดย Erikson
วิธีการที่จะเลี้ยงดูลูกน้อยให้มีพัฒนาการที่สมวัย อารมณ์ดีนั้น จำเป็นจะต้องเรียนรู้พัฒนาการทางด้านความรู้สึกของมนุษย์ในแต่ละช่วงวัย เพื่อให้สามารถเข้าใจกับความรู้สึกของลูกได้เป็นอย่างดี ซึ่งจากทฤษฎี Psychosocial Development โดย Erikson ได้จำแนกช่วงวัยของการพัฒนาการมนุษย์เอาไว้ 8 ขั้น ดังนี้
1. ระยะทารก 0-2 ปี เป็นช่วงที่ลูกน้อยยังไม่ค่อยไว้ใจคนอื่นมากนัก เขามีแนวโน้มที่จะไว้ใจเฉพาะคนที่ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับเขามากที่สุด
2. วัยเริ่มต้น 2-3 ปี มีความสงสัย ความละอาย และเป็นช่วงที่อยากมีอิสระในการทำสิ่งต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง
3. ระยะก่อนไปโรงเรียน 3-6 ปี เริ่มมีความคิดริเริ่มเป็นของตนเอง และเริ่มที่จะมีความรู้สึกผิดกับสิ่งต่าง ๆ ที่ทำ หากคิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี
4. ระยะเข้าโรงเรียน 6-12 ปี รู้จักการมีความรับผิดชอบ การทำงาน และเริ่มรู้สึกได้ถึงปมด้อยบางอย่างในตัวเองเมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อน
5. ระยะวัยรุ่น 12-20 ปี ขั้นนี้จะเริ่มมีความพยายามทำความเข้าใจกับความรู้สึก และความเป็นอัตลักษณ์ของตนเอง แม้ว่าอาจจะยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ก็ตาม
6. ระยะต้นของวัยผู้ใหญ่ 20-40 ปี ระยะนี้มักมีความต้องการความสนิทสนมกับผู้คน มีความรู้สึกของความโดดเดี่ยว เหงา เปล่าเปลี่ยว
7. ระยะผู้ใหญ่ 40-60 ปี ความรู้สึกวัยนี้จะโฟกัสและพะวงแต่ตัวเอง มีความต้องการการอนุเคราะห์เกื้อกูลระหว่างกัน
8. ระยะวัยสูงอายุ 60 ปีขึ้นไป มีความรู้สึกมั่นคงในจิตใจ ขณะเดียวกันก็มีอารมณ์ความรู้สึกของความสิ้นหวังด้วย
จะเห็นได้ว่า ช่วงเวลาทองของการบ่มเพาะเลี้ยงดูลูกรักให้เติบโตมาเป็นคนอารมณ์ดี มีวุฒิภาวะทางอารมณ์นั้น พ่อแม่จะต้องให้ความสำคัญ และใส่ใจลูกน้อยอย่างเข้มข้นในช่วงของพัฒนาการขั้นที่ 1-5 ซึ่งเราก็ได้นำเอา 3 เคล็ดลับดี ๆ ในการเลี้ยงลูกให้อารมณ์ดีมาฝากกันด้วย

เคล็ดไม่ลับกับ 3 เทคนิคเลี้ยงลูกน้อยให้อารมณ์ดี
1. อยากให้ลูกน้อยเป็นอย่างไร จงแสดงวิธีทำ
เพราะเด็กน้อย คือ ผ้าขาว ดังนั้นหากพ่อแม่อยากให้เขาเป็นอย่างไร ก็จงแต่งแต้มสีสันเหล่านั้นให้กับเขา เช่น หากต้องการให้ลูกเป็นเด็กอารมณ์ดี ตอนอยู่กับลูกก็ต้องเป็นพ่อแม่ที่สดใส ร่าเริง ไม่แสดงอาการหงุดหงิด อารมณ์เสียง่าย ๆ ให้ลูกเห็น หมั่นยิ้ม หัวเราะระหว่างที่ใช้เวลาอยู่กับลูก
2. อย่าเลี้ยงลูกด้วยความกดดัน ควรให้อิสระกับลูก
พ่อแม่บางคนมักจะเลี้ยงลูกด้วยความคาดหวัง อยากให้ลูกมีความสามารถเทียบเท่าหรือดีกว่าตนเอง บางคนก็เลี้ยงลูกให้เติบโตไปเป็นในสิ่งที่ตนเองฝันเอาไว้ เพื่อกลบปมด้อยบางอย่างในจิตใจ ส่งผลให้ลูกน้อยเกิดความเครียด ไม่มีความสุข เด็กที่ถูกเลี้ยงดูด้วยการบังคับ หรือกดดันมากเกินไป จะทำให้จินตนาการของเขาถูกจำกัด ไม่กล้าคิดหรือทำอะไรเกินกว่ากรอบที่พ่อแม่กำหนดไว้
3. แสดงความรักด้วยการกระทำและคำพูด
ความผูกพันในครอบครัวเป็นสิ่งที่สามารถสร้างได้ตั้งแต่ลูกน้อยยังเล็ก ๆ ยิ่งได้ใช้เวลาด้วยกันมากเท่าไหร่ มีการแสดงความรักผ่านการกระทำต่าง ๆ เช่น การกอด การหอมกัน การทำดีให้กัน ตลอดจนหมั่นพูดคำว่ารักบ่อย ๆ เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ลูกรักมีวุฒิภาวะทางอารมณ์ที่ดี ไม่เป็นคนขี้โมโห หงุดหงิดง่าย
หากคุณพ่อคุณแม่บ้านไหนนำเอาเคล็ดลับเทคนิคการเลี้ยงลูกน้อยให้อารมณ์ดีนี้ไปใช้ ก็ขอให้มั่นใจได้เลยว่า คุณมาถูกทางแล้ว และมั่นใจได้เลยว่า ผลของการหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความรัก ความตั้งใจดีที่มีต่อลูก จะส่งผลให้ทุกสิ่งที่คิดสัมฤทธิผลอย่างที่ตั้งใจ