เทคนิคการเลี้ยงลูกยุคใหม่ให้มีความสุข

การเลี้ยงลูกในยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและอาจจะไม่ค่อยมีเวลาในบางครอบครัว ทำให้การเลี้ยงลูกยุคนี้จึงเป็นแบบผสมผสานที่นำเอาความรักใส่ใจแบบคนรุ่นเก่ามารวมกับวิธีการเลี้ยงลูกสมัยใหม่จากคุณหมอและครอบครัวอื่น กลายเป็นวิธีการรูปแบบของตัวเอง เพื่อดูแลเอาใจใส่ลูกน้อยทั้งด้านร่างกายกับจิตใจให้ดีที่สุดและมีความสุขที่สุด

.

1. การแบ่งเวลา

แม้ว่าเรื่องการงานและการเงินนั้นจำเป็นต่อการดำรงชีพ แต่ลูกก็เป็นมีความสำคัญที่ต้องมีเวลาให้ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะช่วงอายุ 0 – 5 ขวบ เป็นช่วงที่ลูกจะมีการเรียนรู้และซึมซับสิ่งต่าง ๆ จากคุณพ่อคุณแม่มากที่สุด ดังนั้นควรต้องแบ่งเวลาดูแลและใส่ใจลูกน้อยอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มีพัฒนาการที่ดีเหมาะสมกับวัย

.

2. การเล่นกับลูก

เนื่องจากเด็กทารกและเด็กเล็ก ๆ ยังเป็นวัยที่บอบบาง ซึ่งการเล่นกับลูกบางอย่างไม่เหมาะสม เช่น การอุ้มลูกแล้วโยนขึ้นลงหรือแกว่งไปมา อาจทำให้เด็กรู้สึกหวาดกลัวมากกว่าความสนุกของคุณพ่อคุณแม่ อีกทั้งทำให้สมองของเด็กได้รับแรงสั่นสะเทือนจนอาจเกิดอาการบาดเจ็บในสมองได้

.

3. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก

เพราะผิวของลูกน้อยเป็นผิวบอบบางเป็นพิเศษ ดังนั้นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่สัมผัสกับเด็กโดยตรง ต้องใช้เฉพาะผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กเท่านั้น ทั้งผลิตภัณฑ์อาบน้ำ ผลิตภัณฑ์ซักผ้า และผลิตภัณฑ์ล้างขวดนมกับของใช้ จะมีความอ่อนโยนไม่ทำร้ายผิวและไม่มีสารเคมีตกค้าง

.

4. หลีกเลี่ยงไปสถานที่ที่แออัด

อย่างที่เราทราบกันดีว่าเด็กทารกและเด็กเล็ก ๆ เป็นวัยที่มีภูมิต้านทานต่ำกว่าเด็กโตและผู้ใหญ่ที่มีภูมิต้านทานโรคมากกว่า ดังนั้นในช่วงอายุ 6 เดือน – 1 ปีแรก ควรหลีกเลี่ยงสถานที่แออัด สถานที่มีคนจำนวนมากหรือฝุ่นเยอะ ๆ เพราะหากเกิดการติดเชื้ออาจทำให้เจ็บป่วยแล้วเกิดผลกระทบที่รุนแรงได้

5. ลดอาหารและเครื่องดื่มรสหวาน

เด็กในยุคปัจจุบันส่วนใหญ่ประสบปัญหาโรคอ้วนตั้งแต่อายุน้อย ๆ เนื่องจากการเลี้ยงดูที่คุณพ่อคุณแม่ให้ลูกทานอาหาร ขนม หรือเครื่องดื่มที่มีรสหวาน จนทำให้เด็กติดรสหวานไปจนโตแล้วกลายเป็นสาเหตุของโรคต่าง ๆ อย่างเช่นโรคอ้วนและโรคเบาหวานที่พบว่ามีผู้ป่วยอายุน้อยลงเรื่อย ๆ

.

6. ใช้เหตุผลแทนการใช้อารมณ์

การใช้อารมณ์และความรุนแรงย่อมก่อให้เกิดความเจ็บช้ำทางด้านร่างกายและจิตใจ ยิ่งวัยเด็กนั้นยังไม่สามารถแยกแยะสิ่งที่ถูกและผิดได้อย่างผู้ใหญ่ จะทำให้เด็กจำพฤติกรรมเหล่านี้แล้วนำไปใช้จนมองว่าเป็นเรื่องปกติของสังคม ซึ่งส่งผลเสียต่อพฤติกรรมและทัศนคติในตอนโต

.

7. เทคโนโลยีไม่ใช่ทางออกของการเลี้ยงลูก

ธรรมชาติของเด็กคือวัยที่ควรได้วิ่งเล่นเพื่อพัฒนาทักษะที่จำเป็นและบริหารกล้ามเนื้อต่าง ๆ แต่การเลี้ยงลูกด้วยจอหรือปล่อยให้อยู่กับสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และทีวี อาจส่งผลเสียต่อพัฒนาการเจริญเติบโตเสี่ยงต่อภาวะสมาธิสั้น อีกทั้งเด็กเล็ก ๆ ไม่ควรได้รับรังสีจากหน้าจอ เนื่องจากเป็นอันตรายต่อสายตากับสมอง

.

8. ควรมีคนเลี้ยงประจำ

คุณพ่อคุณแม่หลายคนต้องทำงานนอกบ้านเพื่อหาเงินดูแลครอบครัว ทำให้จำเป็นต้องฝากลูกน้อยให้คนอื่นช่วยเลี้ยงดูแล ดังนั้นควรหาคนเลี้ยงประจำเมื่อจำเป็นต้องฝากเลี้ยงจริง ๆ ไม่ควรเปลี่ยนคนบ่อย ๆ เพื่อป้องกันผลเสียที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพจิตใจของลูกที่เป็นวัยยังไม่เข้าใจเหตุผล นอกจากนี้ช่วงวัย 0 – 5 ขวบ เป็นวัยที่เปิดรับและจำทุกอย่างแล้วแสดงออกทางพฤติกรรม ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ไม่มีทางเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรเกิดขึ้นกับลูก

.

9. วัยเด็กเป็นช่วงเวลาที่มีค่า

มีคำกล่าวว่าวัยเด็กคือช่วงเวลาทองที่ลูกจะอยู่กับคุณพ่อคุณแม่นานที่สุด ถ้าเลี้ยงลูกให้เติบโตอย่างเป็นธรรมชาติเหมาะสมกับวัย สามารถช่วยพัฒนาลูกในเรื่อง IQ และ EQ ได้ดีในระยะยาว แม้ว่าคุณพ่อคุณแม่อยากให้ลูกน้อยเติบโตเป็นคนเก่งก็ตาม ซึ่งคงดีกว่าให้เขาสูญเสียช่วงวัยเด็กไปอย่างน่าเสียดาย

.

คุณพ่อคุณแม่แต่ละบ้านสามารถออกแบบแนวทางการเลี้ยงลูกให้เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมของตนเองได้ ไม่มีวิธีตายตัวใด ๆ ว่าต้องตามคำสอนหรือตำราไหน แต่ควรวางแผนการเลี้ยงดูแลให้ชัดเจนทั้งเรื่องสุขภาพ อาหารการกิน เพื่อส่งเสริมให้ลูกน้อยเจริญเติบโตมีพัฒนาการที่สมวัย สุขภาพแข็งแรง และมีความสุขกันทั้งครอบครัว

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Scroll to Top